IELTS กับ TOEIC อันไหนใช้เพื่อสมัครงาน อันไหนใช้เพื่อเรียนต่อต่างประเทศนะ?
หลายๆคนต้องเคยได้ยินคำว่า TOEIC, TOEFL และ IELTS ผ่านหูกันมาบ้าง แล้วยังจำกันได้ไหมว่าตัวไหนคืออะไร ต่างกันยังไงบ้าง
*** สำหรับคนที่ต้องการไปเรียนต่างประเทศ อย่างเช่นไปเรียนต่ออังกฤษ ไปเรียนต่อออสเตรเลีย หรือเรียนต่อโซนยุโรป โซนอเมริกา ก็เลือกสอบ IELTS จะดีกว่า ***
ซึ่งถ้าใครที่ตั้งใจจะไปเรียนต่อจริงๆแต่ยังไม่รู้แนวข้อสอบ อาจจะต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเยอะๆ หรือไปเรียน IELTS กับสถาบันสอนภาษาซะเลย
ที่นี่จะเลือกเรียน เลือกสอบแบบไหน ก็แล้วแต่จุดประสงค์ของแต่ละคนแล้วล่ะ
สำหรับคนที่เริ่มทำงานแล้ว ก็อาจจะไม่ค่อยสะดวกเรื่องเวลาสักเท่าไร ก็ต้องค่อยๆหาเวลากันไป
แต่ถ้าใครอยากเรียนทางออนไลน์ ตอนนี้เราก็พอจะแนะนำได้บ้าง เพราะตอนนี้เรากำลังลองเรียน IELTS ของสถาบัน Interpass อยู่ ก็สะดวกดี เรียนที่บ้านเมื่อไรก็ได้ที่ว่าง ก็ไม่ถึงกับดีเลิศเพอร์เพคแต่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาแบบเรา ไม่สะดวกเดินทางไปเรียนด้วย
1. เริ่มจาก download program จาก www.enconcept.com/selfathome แล้วก็ทำการติดตั้งซะ
2. Run Program
3. ใส่ Username & Password ที่ได้จากทาง Interpass
4. เมื่อเข้าสู่ระบบ ก็จะเป็นหน้าตาแบบนี้
5. เราก็เลือกคอร์สที่ลงทะเบียนไว้
6. Download clip ที่เราต้องการจะเรียนก่อน
8. เมนูอื่นๆ ซึ่งก็ไม่รู้มีไว้ทำไม เพราะคลิกไปก็เป็นหน้าว่างๆ (มีความงง)เช่น เมนู User Manual, Troubleshooting Guide
9. เมื่อมีการคลิกที่เมนูทางซ้ายล่างสุด ก็จะยืนยันก่อนจะออกจากระบบ แต่ไม่ได้มีการเขียน program ดักตอน onClose หรือ beforeClose เมื่อมีการกดเครื่องหมาย "X" ที่มุมบนขวา
ไม่ว่าจะเรียนสดหรือออนไลน์ ก็จะหนังสือเรียน, Workbook และ สมุดโน็ตมาให้ด้วย
และมีช่วงทำการบ้าน Writing และต้องส่งการบ้านด้วย เพื่อเป็นการตรวจสอบความถูกต้อง ความเข้าใจในการเรียนของเรา ซึ่งอย่างเราเรียนออนไลน์ ก็ต้องส่งการบ้าน Writing / ส่งคลิปเสียง (กรณีเตรียมสอบ Speaking) ไปทาง Email ของพี่ติวเตอร์ แล้วก็รอ feedback กลับมาหลังจากนั้นไม่เกิน 1 อาทิตย์
ซึ่งจากการได้ลองเรียนดู ข้อดีมันมีจริงๆ
1. สะดวกเรา เรียนที่ไหน เมื่อไรก็ได้
2. ได้พัฒนาเสริมทักษะด้านภาษาอังกฤษของตัวเอง อย่างน้อยก็รู้ศัพท์ รู้การใช้งาน รู้แนวทางการทำข้อสอบ และได้ทบทวนภาษาอังกฤษที่เคยๆเรียนรู้มา
3. ได้ฝึก Speaking แบบไม่ต้องอายใคร ^^
4. สามารถหยุด ย้อนกลับไปฟังซ้ำกี่ครั้งก็ได้ ซึ่งทำบ่อย เพราะเราฟังและจดตามที่ติวเตอร์โน็ตไว้ไม่ทัน
ข้อเสียมันก็มี
1. คนจะเรียน ก็ควรจะหาเวลาเรียนให้ได้ เราเองก็ทำงานแล้ว แต่บางทีก็ไม่มีเวลาเหลือมาก บางทีก็เหนื่อยจนกลับมาไม่อยากจะเปิดคอมล่ะ ไหนจะต้องไปทำนั่นทำนี่ โอ๊ย แอบเบี้ยวเรียนไปอีก
2. Program/Application ออกแบบมายังไม่ดีนัก
- ไม่มีปุ่ม Back กลับไป หน้าก่อนหน้า
- GUIการเรียนการสอน ไม่ได้ทำแบบ Responsive Design ดังนั้นการแสดงบนคอมพิวเตอร์บางตัวก็ไม่สะดวกในการใช้ปุ่ม play/stop
เราเองก็ไม่ได้เรียนภาษาไทยแบบทางการนาน ในชีวิตประจำวันก็ไม่ได้ใช้ เรียนไปเจอ"บุคลวัต","สัทพจน์","อุปลักษณ์", "อธิพจน์" เข้าไปงงเลย อะไรของมัน-*- แถมสงสัยด้วยอาจารย์เขียนไทยถูกหรือเปล่า บางทีติวเตอร์ก็อธิบายแล้วเราก็ยังไม่เข้าใจ ต้องหยุดฟังแล้วไปค้นหาเพิ่มเติมเอง
ถ้าติวเตอร์ อธิบายธรรมดา น่าจะดีกว่า เพราะยังไงรู้ไป ก็ไม่ได้สอบถาษาไทยอยู่ดี
4. เรื่องติวเตอร์
รู้สึกเหมือนติวเตอร์บางคนสอนให้จบๆไป บางคนก็พยายามจะเป็นกันเองกับนักเรียน แต่คำพูดที่ใช้เช่น "แก", "เสร่อ".... ดูเป็นการไม่ให้เกียรตินักเรียนเท่าไร เราฟัังแล้วยังไม่อยากเรียนต่อ แต่เมื่อคิดถึงเสียเงินไปเรียน ก็ต้องทำใจเรียนต่อไป
5. อักษรย่อ ไม่เข้าใจ
เราไล่ฟังคลิปตัวแต่ 1 ไล่ลงมา เปิดมาก็ใช้อักษรย่อแล้ว แล้วย่อจากอะไรก็ไม่รู้
จากที่เรียนๆมา ก็ถือว่าดีนะ อย่างน้อยได้ทบทวนความรู้ของตัวเอง ถ้ามีเวลา ก็ยังอยากจะเรียนออนไลน์ต่ออีก
2. คอร์ส IELTS All-in-one@Home 45 ชม. ราคาปกติ 11,900 บาท
3. คอร์ส Advanced IELTS All-in-one@Home 30 ชม. ราคาปกติ 8,900 บาท
Free! IELTS Simulation Test Online (สอบเสมือนจริงพร้อมเฉลยอย่างละเอียด) 6 ชุด มูลค่า 2,400 บาท
Free! Boot Camp IELTS Online (สรุปเทคนิคครบทุกทักษะ) มูลค่า 2,000 บาท
ทั้งหมดนี้ จากราคาปกติ 35,800 บาท เหลือเพียง 24,500 บาท
สำหรับใครที่สนใจว่าสถาบัน Interpass มีสอนที่ไหน อย่างไร มีค่าใช้จ่าย มีโปรโมชั่นอะไรช่วงนี้ ก็สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- โทร : 089-996-4256 (สาขาสยามสแควร์) , 089-992-3965 (สาขาอาคารวรรณสรณ์)
- Line ID : @interpass
- Web : http://interpass.in.th
- Facebook : https://www.facebook.com/interpassinstitute
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกันก่อน
TOEIC
TOEIC (โทอิก) ย่อจาก Test of English for International Communication เป็นข้อสอบมาตรฐานระดับสากล ในการวัดทักษะภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจ สำหรับคนที่ต้องการสมัครงาน โดยข้อสอบจะเน้นไปทีการอ่าน การฟังTOEFL
TOEFL (โทเฟิล หรือ โทเฟล) ย่อจาก Test of English as a Foreign Language เป็นข้อสอบมาตรฐานระดับสากลเพื่อใช้ในการประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษ เพื่อนำไปใช้เป็นเกณฑ์ในเรื่องของการศึกษาต่อ หรือทำงานในต่างประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร โดยข้อสอบจะทดสอบทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ "ฟัง", "พูด","อ่าน" และ "เขียน" (Listening, Speaking, Reading and Writing)IELTS
IELTS (ไอเอลส์) ย่อจาก International English Language Testing System เป็นการวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษสำหรับคนที่อยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นระดับปริญญาตรีหรือโท หรือต้องไปทำงานต่างประเทศ โดยข้อสอบจะทดสอบทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ "ฟัง", "พูด","อ่าน" และ "เขียน" (Listening, Speaking, Reading and Writing) เช่นเดียวกับ TOEFL แต่ IELTS จะมีความยากกว่า มีมาตรฐานดีกว่า เครดิตดีกว่า และราคาค่าสอบแพงที่สุดสรุป
*** สำหรับคนที่ต้องการพัฒนาตัวเองเพื่อนนำไปใช้ในการทำงานร่วมกับบริษัทต่างชาติ ต้องการปรับเลื่อนเงินเดือน ไปสอบแค่ TOEFL ก็พอ ****** สำหรับคนที่ต้องการไปเรียนต่างประเทศ อย่างเช่นไปเรียนต่ออังกฤษ ไปเรียนต่อออสเตรเลีย หรือเรียนต่อโซนยุโรป โซนอเมริกา ก็เลือกสอบ IELTS จะดีกว่า ***
ซึ่งถ้าใครที่ตั้งใจจะไปเรียนต่อจริงๆแต่ยังไม่รู้แนวข้อสอบ อาจจะต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเยอะๆ หรือไปเรียน IELTS กับสถาบันสอนภาษาซะเลย
ที่นี่จะเลือกเรียน เลือกสอบแบบไหน ก็แล้วแต่จุดประสงค์ของแต่ละคนแล้วล่ะ
ถ้าถามว่าแล้วไปเรียน IELTS ที่ไหนดีละ??
จริงๆแล้ว ก็มีหลายสถาบันสอนภาษาที่เปิดสอน IELTS อย่างเช่น British Council, Edufirstschool, New Cambridge institute, Wall Street English, Interpass, etc ซึ่งแต่ละสถาบันก็จะมีแนวทาง/เทคนิคการสอน/จ.น. เวลาการเรียน/ราคาที่แตกต่างกันสำหรับคนที่เริ่มทำงานแล้ว ก็อาจจะไม่ค่อยสะดวกเรื่องเวลาสักเท่าไร ก็ต้องค่อยๆหาเวลากันไป
แต่ถ้าใครอยากเรียนทางออนไลน์ ตอนนี้เราก็พอจะแนะนำได้บ้าง เพราะตอนนี้เรากำลังลองเรียน IELTS ของสถาบัน Interpass อยู่ ก็สะดวกดี เรียนที่บ้านเมื่อไรก็ได้ที่ว่าง ก็ไม่ถึงกับดีเลิศเพอร์เพคแต่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาแบบเรา ไม่สะดวกเดินทางไปเรียนด้วย
การเรียน IELTS ออนไลน์ ของ สถาบัน Interpass
ก่อนอื่นก็ติดต่อลงทะเบียนเรียนก่อน และขอ Username & Password สำหรับเรียนออนไลน์มาก่อน เพื่อให้เห็นภาพการใช้งาน เราจะอธิบายวิธีการลงทะเบียนเรียนและการเรียนออนไลน์ของสถาบัน Interpass เป็นยังไง1. เริ่มจาก download program จาก www.enconcept.com/selfathome แล้วก็ทำการติดตั้งซะ
2. Run Program
3. ใส่ Username & Password ที่ได้จากทาง Interpass
4. เมื่อเข้าสู่ระบบ ก็จะเป็นหน้าตาแบบนี้
7. เปิด clip ที่เราต้องการจะเรียน
9. เมื่อมีการคลิกที่เมนูทางซ้ายล่างสุด ก็จะยืนยันก่อนจะออกจากระบบ แต่ไม่ได้มีการเขียน program ดักตอน onClose หรือ beforeClose เมื่อมีการกดเครื่องหมาย "X" ที่มุมบนขวา
และมีช่วงทำการบ้าน Writing และต้องส่งการบ้านด้วย เพื่อเป็นการตรวจสอบความถูกต้อง ความเข้าใจในการเรียนของเรา ซึ่งอย่างเราเรียนออนไลน์ ก็ต้องส่งการบ้าน Writing / ส่งคลิปเสียง (กรณีเตรียมสอบ Speaking) ไปทาง Email ของพี่ติวเตอร์ แล้วก็รอ feedback กลับมาหลังจากนั้นไม่เกิน 1 อาทิตย์
ซึ่งจากการได้ลองเรียนดู ข้อดีมันมีจริงๆ
1. สะดวกเรา เรียนที่ไหน เมื่อไรก็ได้
2. ได้พัฒนาเสริมทักษะด้านภาษาอังกฤษของตัวเอง อย่างน้อยก็รู้ศัพท์ รู้การใช้งาน รู้แนวทางการทำข้อสอบ และได้ทบทวนภาษาอังกฤษที่เคยๆเรียนรู้มา
3. ได้ฝึก Speaking แบบไม่ต้องอายใคร ^^
4. สามารถหยุด ย้อนกลับไปฟังซ้ำกี่ครั้งก็ได้ ซึ่งทำบ่อย เพราะเราฟังและจดตามที่ติวเตอร์โน็ตไว้ไม่ทัน
ข้อเสียมันก็มี
1. คนจะเรียน ก็ควรจะหาเวลาเรียนให้ได้ เราเองก็ทำงานแล้ว แต่บางทีก็ไม่มีเวลาเหลือมาก บางทีก็เหนื่อยจนกลับมาไม่อยากจะเปิดคอมล่ะ ไหนจะต้องไปทำนั่นทำนี่ โอ๊ย แอบเบี้ยวเรียนไปอีก
2. Program/Application ออกแบบมายังไม่ดีนัก
- ไม่มีปุ่ม Back กลับไป หน้าก่อนหน้า
- GUIการเรียนการสอน ไม่ได้ทำแบบ Responsive Design ดังนั้นการแสดงบนคอมพิวเตอร์บางตัวก็ไม่สะดวกในการใช้ปุ่ม play/stop
จากรูปอาจจะยังไม่เท่าไร แต่ถ้าเป็นตอนที่สอนเนื้อหาแล้ว แถบ Play/Stop จะไปบังหน้าจอ บังเนื้อหา ซึ่งถ้ากดซ่อนก็ได้ แต่ก็ไม่สะดวก บางทีติวเตอร์พูดเร็ว/พูดงงๆ เราก็ต้องย้อนกลับไปดูบ่อยๆ บางทีก็สอนช้า ก็อยากจะเลื่อนไปข้างหน้าเร็วๆ
3. ติวเตอร์บางทีก็ใช้คำไทยแบบไทยทางการไป ไม่เข้าใจเราเองก็ไม่ได้เรียนภาษาไทยแบบทางการนาน ในชีวิตประจำวันก็ไม่ได้ใช้ เรียนไปเจอ"บุคลวัต","สัทพจน์","อุปลักษณ์", "อธิพจน์" เข้าไปงงเลย อะไรของมัน-*- แถมสงสัยด้วยอาจารย์เขียนไทยถูกหรือเปล่า บางทีติวเตอร์ก็อธิบายแล้วเราก็ยังไม่เข้าใจ ต้องหยุดฟังแล้วไปค้นหาเพิ่มเติมเอง
ถ้าติวเตอร์ อธิบายธรรมดา น่าจะดีกว่า เพราะยังไงรู้ไป ก็ไม่ได้สอบถาษาไทยอยู่ดี
4. เรื่องติวเตอร์
รู้สึกเหมือนติวเตอร์บางคนสอนให้จบๆไป บางคนก็พยายามจะเป็นกันเองกับนักเรียน แต่คำพูดที่ใช้เช่น "แก", "เสร่อ".... ดูเป็นการไม่ให้เกียรตินักเรียนเท่าไร เราฟัังแล้วยังไม่อยากเรียนต่อ แต่เมื่อคิดถึงเสียเงินไปเรียน ก็ต้องทำใจเรียนต่อไป
5. อักษรย่อ ไม่เข้าใจ
เราไล่ฟังคลิปตัวแต่ 1 ไล่ลงมา เปิดมาก็ใช้อักษรย่อแล้ว แล้วย่อจากอะไรก็ไม่รู้
จากที่เรียนๆมา ก็ถือว่าดีนะ อย่างน้อยได้ทบทวนความรู้ของตัวเอง ถ้ามีเวลา ก็ยังอยากจะเรียนออนไลน์ต่ออีก
สำหรับคนที่พื้นฐานไม่แน่น อยากเรียนแต่ไม่อยากเดินทาง ถ้ายังหาที่คอร์สเรียนออนไลน์ไม่ได้ ก็ลองดูคอร์สของ Interpass ดูก่อนก็ได้ ช่วงนี้มีโปรโมชั่นอยู่ ก็ดูประหยัดไปเยอะนะ
อย่างคอร์ส Expert for IELTS @Home เรียนได้ไม่จำกัด ใน 1 ปี
1. คอร์ส Pre Inter@Home 52 ชม. ราคาปกติ 9,900 บาทอย่างคอร์ส Expert for IELTS @Home เรียนได้ไม่จำกัด ใน 1 ปี
2. คอร์ส IELTS All-in-one@Home 45 ชม. ราคาปกติ 11,900 บาท
3. คอร์ส Advanced IELTS All-in-one@Home 30 ชม. ราคาปกติ 8,900 บาท
Free! IELTS Simulation Test Online (สอบเสมือนจริงพร้อมเฉลยอย่างละเอียด) 6 ชุด มูลค่า 2,400 บาท
Free! Boot Camp IELTS Online (สรุปเทคนิคครบทุกทักษะ) มูลค่า 2,000 บาท
ทั้งหมดนี้ จากราคาปกติ 35,800 บาท เหลือเพียง 24,500 บาท
สำหรับใครที่สนใจว่าสถาบัน Interpass มีสอนที่ไหน อย่างไร มีค่าใช้จ่าย มีโปรโมชั่นอะไรช่วงนี้ ก็สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- โทร : 089-996-4256 (สาขาสยามสแควร์) , 089-992-3965 (สาขาอาคารวรรณสรณ์)
- Line ID : @interpass
- Web : http://interpass.in.th
- Facebook : https://www.facebook.com/interpassinstitute
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น